ต้องบอกว่าตอนนี้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัย สามารถพาเครื่องปริ้น 3D ที่เมื่อก่อนสามารถทำได้แค่ของชิ้นเล็กๆเท่านั้น แต่ตอนนี้เรียกว่า สามารถสร้างบ้าน! ได้แล้วครับ
แต่สิ่งที่อยากจะบอกสำหรับบทความนี้ คือ : พักก่อนครับ อย่าพึ่งซื้อบ้านที่พิมพ์ด้วยเครื่องปริ้น 3D ตอนนี้ครับ รอให้เทคโนโลยีมันก้าวหน้าไปก่อน แล้วค่อยว่ากันครับ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปดูกัน
การสร้างบ้านด้วยเครื่องปริ้น 3D
ในปัจจุบัน เครื่องปริ้น 3D (3D printers) ได้พัฒนาไปไกลมาก และสามารถใช้สร้างวัสดุที่มีความแข็งแรงและทนทานขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการสร้างโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ เช่น บ้าน แต่ยังมีข้อจำกัดและข้อพิจารณาในบางด้านอยู่นะครับ
เช่น
- วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์
เครื่องปริ้น 3D ที่ใช้ในวงการก่อสร้างสามารถใช้วัสดุหลายประเภท เช่น:
- คอนกรีตพิมพ์ 3D: ใช้ในงานสร้างบ้านที่มีความแข็งแรงและทนทานมากพอ
- พลาสติกที่มีความแข็งแรงสูง: เช่น ABS หรือ PLA สำหรับงานที่ต้องการรายละเอียด แต่ไม่ทนทานเหมือนคอนกรีต
- วัสดุผสมพิเศษ: มีการพัฒนาวัสดุที่ผสมคอนกรีตและเส้นใยเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- ความแข็งแรงของวัสดุ
การพิมพ์บ้านด้วยเครื่อง 3D ในปัจจุบันสามารถใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงพอที่จะทำโครงสร้างที่ทนทานและใช้งานได้ในระยะยาว โดยคอนกรีตพิมพ์ 3D ที่พัฒนาแล้วสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมและใช้งานได้ดีในโครงสร้างบ้าน
- การพิมพ์บ้าน
มีโครงการหลายแห่งที่ใช้เครื่องปริ้น 3D ในการสร้างบ้าน:
- โครงการบ้าน 3D ที่ใช้เทคโนโลยีพิมพ์คอนกรีตได้มีการสร้างบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรงพอที่จะใช้อยู่อาศัยจริง โดยใช้เวลาสั้นกว่าการก่อสร้างแบบดั้งเดิม
- บ้านที่พิมพ์ด้วย 3D มีความแข็งแรงพอที่จะทนทานต่อแรงกดและสภาพอากาศต่างๆ แม้ว่าจะต้องใช้การเสริมสร้างบางจุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงเพิ่มเติม
- ข้อจำกัดในปัจจุบัน
- ขนาดของเครื่องปริ้น 3D: แม้ว่าเครื่องปริ้น 3D สำหรับการสร้างบ้านมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการพิมพ์บ้านในขนาดใหญ่มากๆ
- การเสริมวัสดุ: แม้จะใช้วัสดุที่แข็งแรง แต่ในบางกรณีอาจต้องเสริมความแข็งแรงโดยการใช้วัสดุเพิ่มเติมหรือการออกแบบโครงสร้างบางจุดเพื่อรองรับน้ำหนัก
- ราคา: เทคโนโลยียังค่อนข้างใหม่และราคาเครื่องปริ้น 3D ที่ใช้สำหรับการสร้างบ้านยังค่อนข้างสูง
แล้วถ้าเอาเครื่องปริ้น 3D ที่ทำจรวดมาทำบ้านจะสามารถทำได้ไหม?
อันนี้น่าคิดนะครับ เพราะจะเป็นจรวดได้แปลว่าต้องมีความแข็งแรงและทนทานสูงมากๆ เวลาที่ปล่อยผ่านชั้นบรรยากาศออกไป ยังไงก็เกิดการเผาไหมอยู่แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า รองรับความร้อนได้ และยังมีความแข็งอีกด้วย
เราจะมายกตัวอย่างเครื่องปริ้น 3D ของ RKLB หรือ Rocket Lab กันครับ ต้องบอกว่า การใช้ เครื่องพิมพ์ 3D ของ Rocket Lab หรือเครื่องพิมพ์ 3D ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้างบ้าน เป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ยังมีข้อควรพิจารณาหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงและความทนทานของบ้านที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีนี้อยู่ครับ
เช่น
- วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์
เครื่องพิมพ์ 3D สำหรับ จรวด ของ Rocket Lab ใช้วัสดุที่แข็งแรงและมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง ซึ่งเหมาะสำหรับชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกดดันและอุณหภูมิสูงในระหว่างการปล่อยจรวด แต่สำหรับการสร้างบ้าน, วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์บ้านจะต่างออกไป เพราะต้องใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เช่น คอนกรีตพิมพ์ 3D หรือวัสดุพิเศษที่พัฒนาให้เหมาะสำหรับการสร้างโครงสร้างที่ทนทานและปลอดภัย
- ความทนทานและความแข็งแรง
- คอนกรีตพิมพ์ 3D หรือวัสดุพิเศษที่ใช้ในการสร้างบ้านสามารถให้ความแข็งแรงที่เหมาะสมสำหรับโครงสร้างบ้าน เช่น ผนัง, พื้น, หรือหลังคา ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดดันและสภาพอากาศต่างๆ ได้
- อย่างไรก็ตาม, การทดสอบความทนทาน ในระยะยาวของบ้านที่พิมพ์ด้วย 3D ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนา เนื่องจากการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ อาจมีผลต่อความทนทานของวัสดุ
- ความเหมาะสมในการสร้างบ้าน
- การสร้างบ้านด้วยเครื่องพิมพ์ 3D มีข้อดีในด้านการลดเวลาและต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงสามารถออกแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนได้
- เครื่องพิมพ์ 3D สามารถสร้างชิ้นส่วนบ้านที่มีความแข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักและความเครียดจากการใช้งานทั่วไป เช่น ผนัง, โครงสร้างเสริม, และส่วนตกแต่งต่างๆ
- สำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น พื้นที่ที่มีลมแรง หรือพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหว เครื่องพิมพ์ 3D อาจต้องใช้วัสดุที่แข็งแรงพิเศษหรือการเสริมความแข็งแรงในบางจุด
- ประสิทธิภาพในกระบวนการก่อสร้าง
- การพิมพ์บ้าน ด้วยเครื่อง 3D ช่วยให้สามารถลดเวลาในการสร้างและมีความแม่นยำในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งสามารถช่
- วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการก่อสร้างแบบดั้งเดิม
- ความทนทานของบ้านที่พิมพ์ 3D ขึ้นอยู่กับการเลือกวัสดุที่เหมาะสม, การออกแบบโครงสร้าง, และการดูแลรักษาบ้านในระยะยาว
สรุป
บ้านที่สร้างจากเครื่องพิมพ์ 3D ของ Rocket Lab หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันสามารถมีความแข็งแรงและทนทานได้ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะถ้าใช้วัสดุที่ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับการก่อสร้างบ้านครับ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า ยังต้องรอเทคโนโลยีและวัสดุที่ดีกว่านี้ก่อนถึงจะเป็นบ้านที่ดีได้ครับ
เพราะถ้าซื้อตอนนี้ก็คงได้บ้านที่ไม่ดีเท่าไหร่ และยังมีข้อแม้อีกมากมายครับ ทั้งในเรื่องของความทนทาน แข็งแรง และการทนต่อลมฟ้าอากาศครับ